การปฏิบัติ ให้เราคอยรู้ทันความปรุงแต่งเอาไว้ จิตเรามันปรุงแต่งตลอดเวลา ปรุงสุข ปรุงทุกข์ ปรุงดี ปรุงชั่ว ถ้าเราไม่รู้เท่าทัน ความปรุงแต่งก็ครอบงำจิตใจเรา มันปรุงสุขขึ้นมา เราก็หลง ระเริง ปรุงทุกข์ขึ้นมา เราก็กลุ้มอกกลุ้มใจ เสียอกเสียใจ ปรุงกุศล คนไม่มีสติปัญญาพอ จิตปรุงดีขึ้นมาก็หลง หลงดี หลงดีก็ทุกข์อย่างคนดี จิตปรุงชั่วร้ายที่สุด มันปรุงโลภขึ้นมา เราไม่เห็น ปรุงทิฏฐิขึ้นมา ไม่เห็น ปรุงโกรธ ปรุงหลง ฉะนั้นจุดสำคัญ เราจะต้องคอยรู้เท่าทันความปรุงแต่งที่เกิดขึ้นในจิตใจเรา มันไม่ยากหรอก อย่างขณะนี้ใจเราสุขหรือใจเราทุกข์ ยากไหมที่จะรู้ ส่วนใหญ่พอมีความสุขมันก็เผลอเพลิน มีความทุกข์ก็มัวแต่เศร้าโศก หดหู่ ท้อแท้ แทนที่มีความสุขก็รู้ว่ามีความสุข เห็นว่าความสุขเป็นของที่แปลกปลอมผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป ความทุกข์เกิดขึ้นมาก็ไม่ต้องไปหดหู่ท้อแท้ ก็เห็นว่าความทุกข์ทั้งหลายผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เหมือนกันหมด จะสุขหรือจะทุกข์ก็คือมาแล้วก็ไป กุศลหรืออกุศลก็เหมือนกัน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ถ้าเราไม่รู้ทันความปรุงแต่ง จิตจะหลงในความปรุงแต่ง แล้วจิตเรามันจะยึดถือ ยึดถือจิตขึ้นมา ถ้ามีความปรุงแต่งเกิดขึ้น เรามีสติมีปัญญา จิตไม่เข้าไปยึดถือความปรุงแต่ง จิตก็ไม่เข้าไปยึดถือจิต หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 10 มีนาคม 2567